เปิดแผนยุทธศาสตร์ปฏิรูปกำลังคนสาธารณสุข | เก็บตกจากวชิรวิทย์

แม้ไทยจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีระบบหลักประกันสุขภาพที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากนโยบายบัตรทอง 30 บาทฯ แต่ยังคงประสบกับปัญหาบุคคลากรไม่เพียงพอ งานล้นมือ และนับวันจำนวนผู้ป่วยก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนนำมาสู่การเสนอ ยุทธศาสตร์ปฏิรูปกำลังคน และภารกิจด้านบริการสาธารณสุขในภาพรวมระยะเวลา 10 ปี

 



เป้าหมายของ “ยุทธศาสตร์ปฏิรูปกำลังคนสาธารณสุข” มี 3 ประเด็นหลัก คือ 1.คนไทยมีสุขภาวะที่ดีขึ้น ลดอัตราการตายในโรคที่สำคัญ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง อุบัติเหตุฉุกเฉิน 2.เพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ผลิตบุคลากรให้เพียงพอ กระจายตัวอย่างเหมาะสม และ 3.การรองรับสู่ Medical and Wellness Hub 


 

#เก็บตกจากวชิรวิทย์ThaiPBS ชวนลงรายละเอียดสำคัญของแผนยุทธศาสตร์ปฏิรูปกำลังคน และภารกิจด้านบริการสาธารณสุข ฉบับนี้ ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา 

 



ปัญหากำลังคนในระบบสาธารณสุขไทย 

 

หากย้อนดูประเด็นปัญหากำลังคนในระบบสาธารณสุข ที่ผ่านมา #เก็บตกจากวชิรวิทย์ พบว่ามีหลายมิติ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการและความยั่งยืนของระบบสุขภาพโดยขอสรุปสั้นๆ 6 ประเด็นดังนี้ 

 


1. การขาดแคลนบุคลากร: จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลและชนบท ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพได้ยาก

 

2. การกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ: บุคลากรทางการแพทย์มักจะกระจุกตัวในเมืองใหญ่และพื้นที่ที่มีความเจริญ ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงบริการสุขภาพ

 

3. ความเหนื่อยล้าจากการทำงาน: บุคลากรทางการแพทย์มักต้องทำงานในสภาวะที่มีภาระงานหนัก ไม่มีวันหยุดพักผ่อนเพียงพอ ส่งผลให้เกิดความเครียดและประสิทธิภาพในการทำงานลดลง

 

4. การรักษาความรู้และทักษะ: การพัฒนาความรู้และทักษะของบุคลากรทางการแพทย์ต้องการการฝึกอบรมและการเรียนรู้ตลอดชีวิต แต่บางครั้งการเข้าถึงการฝึกอบรมเหล่านี้ยังไม่ทั่วถึง

 

5. ปัญหาความไม่สมดุลระหว่างการผลิตและการใช้บุคลากร: ระบบการศึกษาทางการแพทย์ไม่สามารถผลิตบุคลากรได้ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของตลาดแรงงาน

 

6. อัตราการลาออกสูง: บุคลากรทางการแพทย์บางส่วนลาออกจากระบบสุขภาพเพื่อไปทำงานในภาคเอกชนหรือไปทำงานต่างประเทศ เนื่องจากมีข้อเสนองานที่ดีกว่า

 


นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุขในภาพรวมของประเทศ ต้องมีการปฏิรูปเชิงนโยบายทั้งในระยะกลาง และระยะยาว กระทรวงสาธารณสุขได้บูรณาการความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คณะแพทยศาสตร์ ต่างๆ กระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ก.พ. สภาวิชาชีพ เป็นต้น


 

โดยยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนฯ มี 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 

 

1.         เร่งพัฒนากำลังคนให้เพียงพอต่อการให้บริการด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะโรคสำคัญ ครอบคลุมทั้งการผลิต พัฒนา ส่งเสริม และกำกับดูแล

2.         การพัฒนาระบบริการสาธารณสุขเชิงพื้นที่เป็นหนึ่งเดียว จัดระบบความร่วมมือภาครัฐเอกชนในพื้นที่

3.         การสนับสนุนส่งเสริมบริการสุขภาพที่มีศักยภาพการแข่งขันที่สำคัญทางเศรษฐกิจ 

4.         การสร้างเสริมระบบกลไกการอภิบาลกำลังคนด้านสุขภาพให้เข้มแข็ง

 



แผนผลิตบุคลากรทางการแพทย์ 9 วิชาชีพใน 10 ปี

 


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่ได้ลงพื้นที่รับฟังเสียงสะท้อนด้วยตัวเองหลายจังหวัด ทราบถึงปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลน ต้องทำงานหนัก ทำงานได้เงินไม่พอค่าใช้จ่าย จึงเห็นชอบยุทธศาสตร์ฯ ตามที่ กระทรวงสาธารณสุขเสนอ แผน 10 ปีเพื่อเร่งผลิตและพัฒนากำลังคนให้เพียงพอต่อการดูแลด้านสาธารณสุข ทั้งหลักสูตรพยาบาล การเพิ่มผู้ช่วยพยาบาล การเพิ่มค่าตอบแทน โดยจะเป็นการเพิ่มตำแหน่งข้าราชการในอัตราที่เหมาะสม


 

ในระยะเวลา 10 ปี การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจด้านบริการสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุขจะใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้นประมาณ 3.8 แสนล้านบาท ผลิตกำลังคนสาธารณสุขเพิ่ม 10 ปีใน 9 วิชาชีพ ประกอบด้วย   


 

1.         แพทย์ อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:922  เป้า  1:650  ผลิตเพิ่ม  33,074 คน

2.         ทันตแพทย์ อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:3,650  เป้า  1:3,000ผลิตเพิ่ม  4,106 คน

3.         เภสัชกร อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:2,735  เป้า  1:1,966 ผลิตเพิ่ม  9,800 คน

4.         พยาบาล  อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:316  เป้า  1:200  ผลิตเพิ่ม  124,558 คน

5.         นักกายภาพบำบัด อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:4,792 เป้า  1:2,000  ผลิตเพิ่ม  19,590 คน  

6.         แพทย์แผนไทย อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1: 11,339 เป้า  1:2,782  ผลิตเพิ่ม  18,169 คน

7.         นักรังสีเทคนิค อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:9,954 เป้า  1:5,000  ผลิตเพิ่ม   7,364 คน

8.         นักสาธารณสุข  อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:2,220 เป้า  1:1,000  ผลิตเพิ่ม  36,993 คน

9.         นักเทคนิคการแพทย์ อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:4,793 เป้า  1:2,804  ผลิตเพิ่ม 10,000 คน


 

หากเฉลี่ยเป็นรายปี ก็หมายความว่าจะต้อง ผลิตแพทย์ 4,000 คนต่อปี, ผลิตพยาบาล 15,000 คนต่อปี ,ผลิตกายภาพบำบัด 2,000 คนต่อปี, ผลิตแพทย์แผนไทย 1,500 คนต่อปี เป็นต้น





 

ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เพื่อความยืดหยุ่นในการบริหารงานบุคคลากรด้านสาธารณสุข จึงได้จัดทำร่างพ.ร.บ.ข้าราชการสธ.ออกจากก.พ. เพื่อให้เกิดความเป็นอิสระและความคล่องตัวมารองรับ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอีกกลไกหนึ่งในการแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรไปพร้อมกัน 

 

อ่านต่อ สธ.กำลังจะออกจาก กพ. 

 

 

 

ตั้งเป้าไทยเป็น “ศูนย์การดูแลสุขภาพของโลก”

 

นอกจากการผลิตบุคคลากรเพิ่มแล้ว นายกฯเศรษฐา ยังบอกอีกว่า ยุทธศาสตร์กำลังคนสาธารณสุขฯ จะต้องสนับสนุนการก้าวไปสู่ Medical and Wellness Hub ซึ่งเป็นหนึ่งใน 8 เรื่องหลักของวิสัยทัศน์ Ignite Thailand ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าที่จะผลักดันให้เป็นประเทศไทยเป็นศูนย์การดูแลสุขภาพของโลก ควบคู่กับการยกระดับการให้บริการสาธารณสุขผ่านนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ 


 

นายเศรษฐา ยกตัวอย่าง กรณีจังหวัดเชียงใหม่ ติดอันดับ Top 3 ของเมืองที่มีการให้บริการด้านสุขภาพที่ดีที่สุดในโลก ซึ่ง Numbeo จัดอันดับผลสำรวจความเห็นประชาชนกว่า 45,000 คนจาก 4,302 เมืองทั่วโลก เรื่องการรักษาพยาบาล มีทั้งคำถามที่เกี่ยวกับทักษะและความสามารถ และการให้บริการของของบุคลากรการแพทย์ ความสะดวกรวดเร็วในการได้รับการรักษา ความทันสมัยของเครื่องไม้เครื่องมือ


 

สำหรับเป้าหมายการเป็น ศูนย์การดูแลสุขภาพของโลก จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเพิ่มมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการสุขภาพต่อ GDPจาก 1.33% หรือ 2.3 แสนล้านบาท ในปี 2565 เป็น 1.7% หรือ 3.8 แสนล้านบาท ในปี 2570 ซึ่งคาดการณ์ว่ามี 9 สาขาวิชาชีพที่สามารถเพิ่มมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้  ได้แก่ 


 

·      เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ

·      การป้องกันและดูแลเส้นเลือดหัวใจ

·      การรักษากระดูกข้อเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ

·      ทันตกรรม

·      การรักษาผู้มีบุตรยาก

·      การรักษาโรคมะเร็ง

·      การปลูกถ่ายอวัยวะ

·      การผ่าตัดหัวใจและการผ่าตัดทำบอลลูน

·      ศัลยกรรมตกแต่งและการแปลงเพศ   

 


ทว่าการเป็น “ศูนย์การดูแลสุขภาพของโลก” ยังมีข้อกังวลว่า จะดึงบุคลากรสาธารณสุขซึ่งมีจำนวนจำกัดอยู่แล้วออกจากระบบ ไปอยู่กับเอกชนหรือไม่ จนอาจนำไปสู่ความเหลื่อล้ำในระบบสุขภาพ 

 


เรื่องนี้ นายสมศักดิ์ รมว.สธ. บอกกับ เก็บตกจากวชิรวิทย์  (วันที่ 6 ส.ค. 2567) ว่าจะไม่เกิดปัญหาดังกล่าว โดยการส่งเสริม  Medical and Wellness Hub ไม่ใช่การเอาข้าราชการไปทำ แต่คือการส่งเสริม ออกกฎระเบียบ อำนวยความสะดวกออกใบอนุญาติ ส่งเสริมการลงทุน 


 

“อะไรที่ใช้คนของราชการ เราไม่ทำ แต่จะเราเปิดโอกาสให้เขาลงทุนกันได้ คือการออกระเบียบกฎเกณฑ์ ไม่ดึงคนออกจากภาครัฐ ไม่ต้องกลัว เอาเท่านี้แหละ” นายสมศักดิ์ กล่าวในที่สุด


ความคิดเห็น