เก็บตกจากวชิรวิทย์ | ปลดล็อก “ไฟเซอร์” จากวัคซีนฉุกเฉิน ความหวังสร้างภูมิคุ้มกันหมู่

หลัง FDAสหรัฐฯรับรองให้วัคซีนไฟเซอร์เป็นวัคซีนปกติที่ใช้ได้ทั่วไปไม่ได้ส่งผลเฉพาะในสหรัฐฯ แต่ยังสะเทือนถึงแผนกระจายวัคซีนของไทยโดยเฉพาะวัคซีนไฟเซอร์ที่ถูกจับตามองมาโดยตลอด และเป้าหมายสำคัญของไทยในการการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ 


ปรากฎการณ์ทวงวัคซีนไฟเซอร์ให้ด่านก่อนหน้านี้ สะท้อนได้ดีถึงความคาดหวังการจัดการอย่างโปร่งใส เพราะเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง และจำนวนจำกัดล็อตแรกได้รับบริจาคจากสหรัฐอเมริกาเพียง 1.5 ล้านโดส จึงจัดสรรรให้เจ้าหน้าด่านหน้า และกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรัง ใน 13 จังหวัดสีแดงเข้มก่อนเป็นกลุ่มแรก 


แนวทางในการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ให้มีจำนวนมากขึ้นตอนนี้มี 2 ช่องทาง 1. รัฐจัดหา และ 2. เอกชนนำเข้า ซึ่งเห็นโอกาสว่าสามารถทำได้  หลังจากองค์การอาหารและยา หรือ FDA สหรัฐอเมริกา อนุมัติให้เป็นวัคซีนเต็มรูปแบบ ซึ่ง เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ก็เปิดทางการขึ้นทะเบียนวัคซีนไฟเซอร์ให้ใช้ได้ในภาวะปกติ โดยขอให้ไฟเซอร์ยื่นข้อมูลเพิ่มด้านคุณภาพความปลอดภัย และประสิทธิผล เพื่อพิจารณายกสถานะจากที่ใช้ในภาวะฉุกเฉินขึ้นมาเป็นวัคซีนที่ได้รับรองเต็มรูปแบบ เอกชนจะซื้อขายได้เหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่


ถ้าวัคซีนไฟเซอร์ถูกยกระดับสถานะเป็นวัคซีนที่ใช้ได้ทั่วไปในไทย สิ่งที่จะตามมาก็คือ ประชาชนทั่วไป และเอกชน จะสามารถจัดหาวัคซีนมาใช้ได้เอง แต่ในปัจจุบันที่ไฟเซอร์บ้านเรา ยังเป็นวัคซีนฉุกเฉิน จะให้อำนาจเฉพาะหน่วยงานสาธารณสุขโดยรัฐจัดหาได้เท่านั้น


เกณฑ์ที่ FDA รับรองไฟเซอร์ให้เป็นวัคซีนทั่วไป ก็คือหลักฐานการทดสอบที่ควบคุมได้ชัดเจน อย่างการวิจัย การใช้จริง ขณะที่สถานะเดิมของไฟเซอร์ที่เป็นวัคซีนฉุกเฉิน เพราะใช้หลักฐานการทดสอบทางคลินิก พอเป็นวัคซีนทั่วไป ก็จะสามารถจำหน่ายสู่สาธารณะได้ แต่กรณีวัคซีนฉุกเฉิน ก็ห้ามจำหน่ายสู่สาธารณะ 


นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชนหรือ THG มีความหวังมากขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้ไม่สามารถนำเข้าได้เพราะต้องผ่านภาครัฐอย่างเดียว เดิมอยากเอาเข้ามาภายในเดือนสิงหาคมนี้แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้ว นพ.บุญบอกว่าเบื้องต้นเดือนกันยายน-ตุลาคม จะนำเข้าให้ได้ 20 ล้านโดสฉีด วันละ 500,000 โดส ช่วยรัฐบาล เพราะบางคนอยากฉีดแต่หาไม่ได้


แต่ระหว่างที่กำลังรอเอกสารหลักฐานจากบริษัท เพื่อปรับสถานะวัคซีนไฟเซอร์ในไทย กลับมาดูฐานวัคซีนที่ไทยมีอยู่แล้ว กับไฟเซอร์ 30 ล้านโดส ที่จะทยอยเข้ามากันยายนนี้ 


ผศ.นพ.ปกรัฐ หังสสูต ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอให้รัฐหาวิธีเพื่อกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมโดยเฉพาะคนที่ยังไม่เคยได้วัคซีนเลย หากจำเป็นต้องใช้ซิโนแวคปูพรมก็ต้องทำความเข้าใจและเร่งหาวัคซีนที่มีคุณภาพเข็มสองมาให้ 


ผมคิด 2 แนว คือ ไฟเซอร์ 2 เข็มเลย หรือ บูสคนที่ฉีดซิโนแวคแล้ว 2 เข็ม และคนที่ยังไม่ได้เลยสักเข็มทำไง ซึ่งรัฐบาลก็แก้ปัญหาโดยเอาวัคซีนที่เราหามาได้ง่ายเช่นซิโนแวค แล้วตามด้วยแอสตราเซเนกา

สมมุตได้ซิโนแวคมาปูพรม แล้วตามด้วยแอสตราเซเนกาหรือไฟเซอร์” 


อย่างไรก็ตามควรกระจายวัคซีนไปยังคนที่ยังไม่ได้ฉีดให้ครอบคลุมทั้งประเทศแต่จะใช้อย่างไรต้องดูฐานวัคซีนเดิมด้วย ถ้าเราได้ไฟเซอร์ไม่จำกัด ก็ฉีดไปทั่้วประเทศแต่ซิโนแวครัฐบาลหาได้ 


ถ้าผมเป็นรัฐบาล ต้องทำให้สังคมเข้าใจว่า แผนที่ผานมา เรามีแผนไม่ดีพอ น่าจะขอโทษก่อนว่าวางแผนผิด แต่จำเป็นต้องทำแบบนี้พอฉีดซิโนแวคแล้ว รัฐบาลจะวัคซีนเข็มสองมาให้เขา


ประเทศที่มีวัคซีนมากพอ และติดเชื้อน้อยแล้ว อย่างอังกฤษ คนอายุน้อยกว่า 40 ปีห้ามฉีดแอสตราเพราะกลัวผลข้างเคียง ในประเทศที่ไม่ระบาด ก็เป็นอีกสถานการณ์หนึ่ง แต่ไทยเราระบาดเยอะ การฉีดแอสตราเซเนกายังไงก็ยังดีกว่า 


ทั้งนี้ แผนปี 65 กระทรวงสาธารณสุขจะจัดหาวัคซีนอย่างน้อย 120 ล้านโดส คาดว่าจะซื้อไฟเซอร์ 50 ล้านโดส แอสตราเซเนกาอีก 60 ล้านโดส และวัคซีนเทคโนโลยีใหม่อื่นๆ มาให้หลากหลาย เพื่อฉีดวัคซีนกลุ่มเด็ก และบูสเตอร์โดสเข็ม 3 แก่ประชาชน 


ต้องยอมรับว่าการบริหารวัคซีนภายใต้ข้อจำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าไทยสามารถปลดล็อกวัคซีนฉุกเฉิน และเปิดให้มีการนำเข้าอย่างเสรี อาจเป็นความหวังให้ความพยายามสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นได้จริง

ความคิดเห็น