เก็บตกจากวชิรวิทย์ | พลิกปมข่าว ตอน "วัคซีนพาสปอร์ตความหวังเปิดประเทศ?"

แม้คลัสเตอร์ใหม่ จะมาพร้อมกับความกังวล และการยกระดับพื้นที่คุมเข้ม แต่โครงการศึกษาวิจัยวัคซีนพาสปอร์ตที่ไทยทำร่วมกับ 7 ประเทศอาเซียน และ 4 ประเทศในเอเชียก็ยังต้องเดินหน้าต่อ เพื่อเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว 1 ตุลาคมนี้ และการเดินทางข้ามพรมแดนในอนาคต แต่วัคซีนพาสปอร์ตก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยังมีอีกหลายปัจจัยเงื่อนไข


ก่อนหน้านี้ เราอาจจะคุ้นชินกับคำว่า travel bubble หรือ รูปแบบการเปิดรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัว ผ่านการจับคู่กับประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่แนวคิดนี้ก็สะดุดลง เมื่อทั้งไทยและหลายประเทศเจอเข้ากับการระบาดระลอกใหม่ จนกระทั่งมีวัคซีน ก็เกิดแนวคิด วัคซีนพาสปอร์ต เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสโดยไม่ต้องกักตัว

แม้ล่าสุดเราจะเจอกับคลัสเตอร์ใหม่ แต่การศึกษาวิจัยเพื่อหาข้อตกลงระหว่างประเทศในการเดินทางไปมาระหว่างกัน ก็ต้องเดินหน้าต่อ เพื่อรองรับเป้าหมายเปิดประเทศฟื้นเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ เพราะยังมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา 

แนวทางการวิจัยที่พูดคุยกับหลายๆ ประเทศเพื่อหาข้อตกลงเรื่องวัคซีนพาสปอร์ตนั้น มีตัวอย่างจากอิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศที่มีการฉีดวัคซีนกับประชากรมากที่สุดเกือบ 70% และเริ่มเดินหน้าเรื่องนี้ พร้อมเจรจาข้อตกลงกับประเทศเพื่อนบ้าน

แม้จะเป็นความหวังฟื้นเศรษฐกิจโลก แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เป็นตัวแปร ขณะที่องค์การอนามัยโลก แนะนำให้พิจารณาใน 4 ประเด็น หากใช้วัคซีนพาสปอร์ต คือยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการว่าวัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ วัคซีนพาสปอร์ต ยังอาจนำมาถึงปัญหาการแย่งชิงวัคซีนส่งผลให้ประเทศกำลังพัฒนาเข้าไม่ถึงอย่างเพียงพอ รวมทั้งกฎหมายระหว่างประเทศที่เดิมต้องไม่จำกัดการเดินทางด้วยเหตุผลด้านวัคซีน ยกเว้นไข้เหลือง และสุดท้ายคือข้อตกลงเรื่องวัคซีนที่ไม่ชัดเจน เพราะวัคซีนมีหลายชนิด บางชนิดยังไม่ขึ้นทะเบียนทำให้บางประเทศอาจไม่ยอมรับการเดินทาง แม้จะได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว

สอดคล้องกับ ผู้อำนวยการวิจัยด้านสาธารณสุข สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ที่เห็นว่า วัคซีนพาสปอร์ต มีเงื่อนไขรายละเอียดมาก อาจไม่สามารถเกิดขึ้นแบบทั่วถึง และที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ พาสปอร์ตวัคซีนจะกลายเป็นเรื่องการเมือง กับกรณีล่าสุดที่จีน จะเปิดรับชาวต่างชาติเข้าประเทศก็ต่อเมื่อฉีดวัคซีนของจีนเท่านั้น ซึ่งจีนก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ไทยกำลังศึกษาวิจัยเรื่องวัคซีนพาสปอร์ต

แม้จะเป็นความหวังฟื้นศรษฐกิจ แต่เส้นทางวัคซีนพาสปอร์ตก็ไม่ง่ายนัก ด้วยปัจจัยที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ ไม่นับรวมความพยายามสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ที่ล่าสุดทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 673 ล้านโดส ขณะที่ไทยเองจนถึงวันที่ 5 เมษายน เราฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 257,000 โดส ในจำนวนนี้มีผู้ที่ฉีดเข็มที่สองแล้วเพียง 43,536 โดส ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดที่ยังไม่แน่นอน


ความคิดเห็น