สิทธิบัตรทองดี แต่มีหมอไม่พอ ปัญหาใหญ่ระบบสาธารณสุขไทย | เก็บตกจากวชิรวิทย์

สำรวจปัญหาระบบสาธารณสุขไทย จากกระแสทำกิจกรรมเพื่อขอรับเงินบริจาคให้โรงพยาบาล ตอนที่ 2



ยอมรับว่า “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ “สิทธิ์บัตรทอง” ที่รักษาฟรีทำให้ภาระงานของแพทย์เพิ่มขึ้น แต่คงไม่ใช่ประเด็นที่ต้องมาเถียงกันแล้วว่ ควรมีหรือไม่ เพราะสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องเร่งแก้ปัญหาให้ตรงจุด ก็คือ เรื่องกำลังคน หมอ-พยาบาล ต้องผลิตและกระจายให้เพียงพอ รองรับสวัสดิการด้านสาธารณสุขของรัฐ


จุดยืนของ “สมาพันธ์แพทย์ผู้ปฏิบัติงาน ที่ออกมาทวงถามชั่วโมงการทำงานแพทย์ เพราะหลังจากที่เรียนจบและใช้ทุนเสร็จแล้ว ต้องเผชิญกับปัญหาผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล ขณะที่หมอจบใหม่หลายคนไม่ทนอยู่ต่อในระบบ ออกไปอยู่กับโรงพยาบาลเอกชน หมอที่อยู่ในระบบต้องควบเวร 24 ชั่วโมงต่อวัน หรือ120 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 


ขณะที่บรรยากาศโรงพยาบาลตามหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดบางแห่ง บริเวณบันไดชานพัก ระเบียง มีเตียงเสริม แทบจะเดินผ่านไปไม่ได้ 



พญ.ชุตินาถ​ ชินอุดมพร” แพทย์อายุรกรรม โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ตัวสมาพันธ์แพทย์ผู้ปฏิบัติงาน เล่าให้ฟังว่า เพราะเราไม่มีเกณฑ์ว่าหมอคนหนึ่งต้องดูคนไข้กี่คน หมอต้องรับผิดชอบทุกราย ทำกันแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว 


ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องปกติของหลายโรงพยาบาล ที่มีแพทย์เวรเพียงหนึ่งคน ดูแลคนไข้หลายตึกในเวลาพร้อมกันในหอผู้ป่วยเล็กๆ มีเตียงเสริมเต็มทางเดิน ผู้ป่วยหนัก ได้แต่นอนบนเตียงเล็กๆแคบๆ เพื่อรอเตียงว่าง และรอว่าแพทย์ที่จะช่วยชีวิตของเขาซึ่งกำลังวิ่งวุ่นอยู่กับหอผู้ป่วยอื่น กับคนไข้อื่นที่หนักไม่แพ้กัน จะมาเมื่อไหร่


“เป็นไปได้อย่างไรที่แพทย์หนึ่งคนจะดูแลคนไข้หลายร้อยคนพร้อมกัน ในหนึ่งคืน และทำงานต่อในเช้าวันต่อไป โดยที่ไม่ได้นอนติดต่อกันเกิน 24 ชั่วโมง?” เธอกล่าว 


ในปีที่ผ่านมา แพทย์รัฐ 3 หมื่นคน ดูแลผู้ป่วย ทั้งผู้ป่วยนอกที่มามากถึง 83 ล้านครั้ง และผู้ป่วยในมากกว่า 6 ล้านคน สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นหลายสิบปี และไม่มีแนวโน้มอันใกล้ว่าจะเปลี่ยนแปลง แม้จะผลิตแพทย์เพิ่ม แต่เมื่อตำแหน่งรับยังเท่าเดิม แพทย์ที่รับงานหนักอยู่ลำพัง ก็ไม่มีกำลังที่จะสู้อยู่ต่อในระบบ ต้องลาออกเพื่อเลือกสุขภาพของตัวเองมาก่อน


สิ่งนี้สอดคล้องกับที่ “หมอริท นพ.เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช ทวิตข้อความขณะที่โตโน่ทำกิจกรรมว่ายน้ำข้ามโขง ขอบริจาคเงินเพื่อโรงพยาบาลจนเกิดดร่าม่าในแวดวงสาธารณสุขว่า ทุกวันนี้หมอไทยยังต้องทำงานเกินเวลาตามระเบียบกำหนด ทำให้เกิดภาวะสมองไหล หมอก็ออกนอกระบบโรงพยาบาลรัฐกันหมดหมอก็น้อยลง งานก็ยังหนัก ผลิตหมอเท่าไหร่ก็ไม่พอ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถึงบอกว่าเงินบริจาคเยอะแค่ไหน ก็ไม่ได้ช่วยให้หมอหายเหนื่อย 


ขณะข้อมูลจากที่ประชุมคณะกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร เมื่อเดือน.ที่ผ่านมา ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ชี้ให้เห็นสถานการณ์กำลังคนในกระทรวงดังนี้

  • มีแพทย์ออกจากกระทรวงสาธารณสุข 40% ต่อปี
  • เวลาขอตำแหน่งแพทย์ไปที่ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) มักจะได้แค่ 80% ของที่ขอไป เนื่องจากปัญหาเรื่องงบประมาณ
  • สัดส่วนแพทย์ต่อประชากรที่ไม่รวมแพทย์กำลังศึกษาอยู่ที่ 1 ต่อ 3,626 คน
  • สัดส่วนแพทย์ในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 1 ต่อ 548 คน แต่บางจังหวัด เช่น ภาคตะวันออกเฉี่ยงเหนือ อาจไปถึง 1 ต่อ 3,500 คน


หาทางออกวิกฤตหมอไม่พอ


ปัญหาแพทย์ไม่พอ เป็นปัญหาที่วนเวียนอยู่ในระบบสาธารณสุขไทยมายาวนานและแพทย์รุ่นใหม่กลุ่มนี้ก็เป็นแพทย์กลุ่มล่าสุด ที่ออกมาทวงถามชั่วโมงการทำงานแพทย์ ไม่ต่างจากแพทย์รุ่นพี่ในอดีต ที่เคยมาทวงถามเรื่องนี้ที่กระทรวงสาธารณสุข และภาพนี้ก็อาจเป็นภาพประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่งที่ต้องบันทึกไว้ในวงการแพทย์ 


(จากซ้าย) นพ.ทวีศิลป์, พญ.ชุติมา, กมธ.แรงงานฯ
สถานที่: กระทรวงสาธารณสุข 


พญ.ชุติมา ตัวแทนสมาพันธ์แพทย์ผู้ปฏิบัติงาน เปรียบเทียบชั่วโมงการทำงานระหว่างคนธรรมดากับหมอและสิ่งที่หมออยากได้ดังนี้ 


  • คนทั่วไป​ 40​ ชม.​/ สัปดาห์
  • หมอ​ 120​ ชม.​ / สัปดาห์​ 
  • หมอ​ ไม่ขอเท่าคนธรรมดา​ แต่อยากได้​ 80​ ชม./ สัปดาห์  (เฉลี่ย​ 12​ -​13  ชม./วัน


รู้ว่ามันคงยังเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ชั่วโมงทำงานไม่เกิน 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่ก็อยากจะทำให้รู้ว่าปัญหามันมีอยู่ และไม่ไหวแล้ว หมอที่จบใหม่ใช้ทุนเสร็จก็ออกจากระบบไปเกินครึ่ง คนก็น้อยลงคนไข้เท่าเดิมไม่มีคนมาช่วยผลัดเวร” แพทย์รุ่นใหม่กล่าว 


ไม่บ่อยครั้งที่จะได้เห็นการพูดคุยกันโดยตรงระหว่างแพทย์ผู้ปฏิบัติงานกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผ่านการนัดหมายจากคณะกรรมาธิการแรงงานของสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายได้พบกันเมื่อวันที่ 25 .ที่ผ่านมา ที่กระทรวงสาธารณสุข 


บรรยากาศการประชุมระหว่างตัวแทนแพทย์รุ่นใหญ่, ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และกมธ.แรงงานฯ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขด้านบริหาร ก็ยอมรับว่าภาพรวมจำนวนแพทย์ในไทยยังต่างจากประเทศพัฒนาแล้วอยู่มาก ซึ่งแพทย์ของไทยมีประมาณ 3.8 หมื่นคน หากเทียบกับประเทศอื่นมีประชากรระดับเราแต่มีแพทย์เป็นแสนคน จึงเป็นสเตปของการทำงานที่ต้องทำร่วมกันหลายส่วน ทั้งผู้ดูแลกำลังภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (..) สำนักงบประมาณ แพทยสภา มาหารือและแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งจะวางแผนแก้ปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวต่อไป


ในระยะสั้นจะให้ ผู้ตรวจราชการ ประจำเขตสุขภาพต่างๆ ลงไปดูว่าจำนวนแพทย์ ไปกระจุกอยู่ในโรงพยาบาลใด และจะสามารถกระจายเกลี่ยแพทย์ออกมาอย่างไร ส่วนระยะกลาง และระยะยาว ตั้งแต่วันที่ 1 ..2565 ที่ผ่านมามีการเก็บข้อมูลกำลังคน เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์และไปสู่ข้อเสนอนโยบายทั้งแพทย์พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ให้ไปสู่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดต่อไป 


ทั้งนี้ปัจจุบันมีข้อแนะนำจากแพทยสภา เรื่องชั่วโมงการทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องกว้างๆอยู่ แต่อย่างที่กล่าวคือ การออกกฎใดๆออกมาก็ต้องไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน 


อย่างไรก็ตาม สมาพันธ์แพทย์ผู้ปฏิบัติงาน มองว่าหากยังไม่สามารถแก้ปัญหาจำนวนแพทย์ที่มีไม่เพียงพอได้ ขณะที่ไทยก็เข้าสู่สังคมสูงวัยและอีก 10 ปีข้างหน้าก็จะกลายเป็นสังคมสูงวัยขั้นสุด ซึ่งหากไม่สามารถผลิตแพทย์ได้ตามเป้า  หรือผลิตได้ตามเป้า แต่ว่าหลุดออกนอกระบบ ก็อาจส่งผลต่อความมั่นคงของระบบสาธารณสุขของไทยอย่างปฎิเสธไม่ได้ .

ความคิดเห็น