เก็บตกจากวชิรวิทย์ | ทำไม กทม.ฉีดวัคซีนเกิน 50% แต่จำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่ลด
“นักระบาด” ชี้ ประชากรแฝงไม่แน่นอนฉีดไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายระบบสาธารณสุข ด้าน “นักไวรัสวิทยา” มองวัคซีนเชื้อตายประสิทธิภาพลดหลังเผชิญสายพันธุ์เดลต้า
แม้กรุงเทพมหานคร จะฉีดวัคซีนไปถึง 50% ของประชากรแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นแนวโน้มการระบาดที่ลดลง นักระบาดวิทยามีคำอธิบายเรื่องนี้ว่าอาจเป็นเพราะประชากรแฝงที่แท้จริงอยู่ในเมืองหลวงกี่ล้านคน และบริเวณปริมณฑลที่กว้างขวาง ผู้คนเดินทางเข้าออก
การฉีดวัคซีนในกรุงเทพ ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่มีทะเบียนบ้านในพื้นที่เท่านั้นทำให้คนรอบนอกเดินทางเข้ามาฉีดได้โดยไม่ยาก “ศ.นพ.วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์“ ประธานหลักสูตรระบาดวิทยา ม.อ. และที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มองว่า วัคซีนที่ฉีดไปก่อนหน้านี้คงจะไม่มีผลป้องกันกลุ่มเป้าหมายในกรุงเทพมหานครมากนัก
ขณะที่นักไวรัสวิทยาอีกกลุ่มหนึ่ง มองว่าอาจเป็นเพราะประสิทธิภาพของวัคซีนเชื้อตายที่ถูกนำมาใช้เกินครึ่งของวัคซีนในประเทศ ไม่มีประสิทธิภาพมากพอในการป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ที่ตอนนี้ระบาดกินสัดส่วน ไปถึง 70 เปอร์เซ็นต์ในกรุงเทพมหานคร
แต่กรมควบคุมโรคยังมั่นใจ จากผลการศึกษา ในสถานการณ์จริงในประเทศ 4 แห่งพบว่า วัคซีนซิโนแวค มีประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อประมาณ 90% และป้องกันปอดอักเสบได้ถึง 85 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังมีประสิทธิผลต่อสายพันธุ์เดลต้าในระดับคงที่คือ 75 เปอร์เซ็นต์
ในช่วงของการล็อกดาวน์ หากฉีดวัคซีนไม่มากพอ เมื่อคลายล็อกดาวน์อาจเกิดการระบาดซ้ำ คำถามก็คือพื้นที่ศูนย์กลางการระบาด ได้รับจัดสรรวัคซีนเพียงพอ ที่จะยุติการระบาดหรือไม่
ในเดือนกรกฎาคมประเทศไทย ทั้งที่จัดซื้อ และได้รับบริจาคจำนวน 10 ล้านโดสแบ่งแอสตราเซเนกา 5 ล้านโดส ซิโนแวค 5 ล้านโดส และวัคซีนไฟเซอร์อีก 1.5 ล้านโดสที่ได้รับบริจาคจากสหรัฐอเมริกาจะมาถึงในวันที่ 29 กรกฎาคมนี้
ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค ณ วันที่ 18 มิถุนายน ระบุเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนในแต่ละจังหวัด ในเดือนกรกฎาคม จะแบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 จังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาด สูง คือกรุงเทพฯและปริมณฑล และจังหวัด เศรษฐกิจท่องเที่ยวอีก 5 จังหวัด ในสัดส่วน 30%
กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่นตาก หนอง คาย สระแก้วยะลา ปัตตานี หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด เช่นพระนครศรีอยุธยาชลบุรี ฉะเชิงเทราจำนวน 23 จังหวัด เฉลี่ยจังหวัดละ 1 แสนโดส คิดเป็นสัดส่วน 25%
กลุ่มที่ 3 จังหวัดที่เหลือของประเทศไทยอีก 49 จังหวัดเฉลี่ยจังหวัดละ 7 หมื่นโดส ในสัดส่วน 35% และกลุ่มที่ 4 หน่วยงานฉีดกลางขององค์กรภาครัฐ และสำรองส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาด จำนวน 1 ล้านโดสคิดเป็น 10% ของสัดส่วนวัคซีนที่จัดหาได้ทั้งหมดในเดือนกรกฎาคม
จากบทเรียนครั้งก่อน กรุงเทพมหานคร เหมือนมีตัวเลขฉีดวัคซีนได้มาก แต่หากดูจากกลุ่มเป้าหมายหลัก ของระบบสาธารณสุขคือผู้สูงอายุและกลุ่ม 7 โรคเสี่ยงกรุงเทพมหานครฉีดผู้สูงอายุได้เพียง 3.14 % และกลุ่ม 7 โรคเรื้อรังได้เพียง 3.8 เปอร์เซ็นต์ ของเป้าหมายเท่านั้น สิ่งนี้อธิบายสาเหตุของไอซียูและเครื่องช่วยหายใจไม่พอได้ระดับหนึ่ง และถ้ายังคงฉีดวัคซีนแบบเดิม คงไม่ช่วยทำให้สถานการณ์หลังคลายล็อกดาวน์ดีขึ้น
ปัญหาการจัดการวัคซีนกรุงเทพมหานครมาจากการแพทย์ปฐมภูมิที่อ่อนแอ ไม่สามารถสำรวจและเข้าถึงทุกครัวเรือนเหมือนอย่าง อสม. ต่างจังหวัด เดือนกรกฎาคม เฉพาะกรุงเทพมหานครที่ได้วัคซีน ถึง 2.5 ล้านโดส เห็นความพยายามจากหน่วยงานที่จะฉีดแก่กลุ่มผู้สูงอายุ และ 7 โรคเสี่ยงมากขึ้น
แต่หากถามถึงจำนวนวัคซีนในเดือนถัดไป ประเทศไทยยังคงต้องพึ่งพา วัคซีนซิโนแวค และแอสตราเซเนกา เป็นหลัก เนื่องจากวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส ที่ลงนามในสัญญาจัดซื้อแล้ววันนี้ (20 ก.ค. 64) จะได้รับในเดือนตุลาคม ดังนั้นห้วงเวลา 2-3 เดือนนี้ประเทศไทยจึงอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนของวัคซีน และยังคงต้องพึ่งพาวัคซีนซิโนแวคที่สะดวดซื้อ ต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น