เก็บตกจากวชิรวิทย์ | พลิกปมข่าว ตอน "เสริมฐานราก สร้างหลังพิง ฟื้นวิกฤต"
หากเอาจีดีพี เป็นตัวตั้งจะพบว่าปี 2563 เศรษฐกิจไทยจะติดลบไปถึงร้อยละ 8เปอร์เซ็นต์จากการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ตอนนี้หลายฝ่ายกำลังพูดถึงทิศทางการฟื้นฟู ซึ่งครั้งนี้ต่างจากวิกฤตครั้งก่อนที่มีความซับซ้อน โครงสร้างทางเศรษฐกิจหลังโควิด19 ยังคงเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ และการฟื้นฟูที่แท้จริง
วิกฤตเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ครั้งนี้มีความแตกต่างไปจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการเงินเป็นหลัก แต่ว่าวิกฤติครั้งนี้ส่งผลต่อภาคการผลิต ทำให้มีกลุ่มแรงงานถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมาก
เมื่อต้องถูกเลิกจ้าง แรงงานจำนวนไม่น้อยก็ต้องหันหลังกลับไปตั้งหลักที่บ้านเกิด
อย่างที่ชุมชนตำบลคลองหินปูน อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ลูกหลานของชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่เดินทางไปทำงานในนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนกระทั่งเกิดโควิด ลูกหลานของชุมชนแห่งนี้ร้อยละ 20 ตกงาน และกลับมาอยู่ที่บ้าน
นี่อาจไม่ใช่วิกฤตครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ชุมชนแห่งนี้จะสามารถเป็นหลังพิงให้กับลูกหลานได้อย่างไร และมีข้อท้าทายอะไรบ้างที่ท้องถิ่นต้องจัดการ
📌 ความท้าทาย "ท้องถิ่น" หลังพิงวิกฤตโควิด
6 เดือนแล้วที่ชายหนุ่มวัย 30 ปีคนนี้ ต้องหลุดออกจากการเป็นแรงงานในระบบภาคอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แห่งหนึ่ง หลังได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจที่ซบเซามาก่อนหน้านี้ และถูกซ้ำเติมด้วยการระบาดของโควิด 19
ปัญญาพล คังคา เลือกที่จะกลับบ้านเกิด ที่อยู่ในต.คลองหินปู อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว พร้อมกับภาระ คือรถยนต์ที่ยังต้องผ่อน
การปลูกผักชีใบเลื่อยและผักตั้งโอ๋บนพื้นที่ 1 ไร่กว่าของแม่ เป็นทางเดียวที่สร้างรายได้ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงปากท้อง และชำระหนี้สินอีกจำนวนมาก
นี่คือสภาพบ้านของปัญญาพล ที่ผุพัง / บ้านหลังนี้อาศัยอยู่กันถึง 6 คน ถ้าเลือกได้เขาอยากกลับไปทำงานที่โรงงาน ซึ่งได้เงินเดือนประจำเพราะการทำเกษตรที่ผ่านมาได้สร้างปัญหาหนี้สินให้กับครอบครัว เพราะขาดทุนต่อเนื่อง แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าอายุเกินกว่าที่โรงงานไหนจะเข้ารับทำงาน ด้วยวุฒิเพียงม.3 การเป็นเกษตรกรอาจเป็นอาชีพถาวรของเขาหลังจากนี้
ทีมข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่พร้อมกับ ประธาน สภาองค์กรชุมชน ต.คลองหินปูน สำรวจผลกระทบคนตกงานในชุมชน เพื่อรวบรวมข้อมูล และให้ความช่วยเหลืออย่างตรงจุด เบื้องต้นกรณี นายปัญญาพล จะเร่งนำเข้าโครงการบ้านมั่นคงเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ 6 ชีวิต มีความเป็นอยู่ดีขึ้น พร้อมกับพัฒนาทักษะด้านการเกษตร ซึ่งจะนำไปรวมกลุ่มกับผู้ที่มีปัญหาเดียวกันในตำบล เพื่อจัดอบรมให้รู้ และติดตามผลในระยะยาว
ขณะเดียวกัน หน่วยงานท้องถิ่น สังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้มีโครงการจ้างแรงงานตกงานกลุ่มนี้ พัฒนาชุมชนโดยจ่ายค่าแรง 300 บาทต่อวัน เพื่อเป็นรายได้ประคับประคองไปในยามวิกฤต
📌 บทเรียนโควิด ถอดรื้อแนวคิด ทิศทางการพัฒนา
แม้ท้องถิ่นจะเป็นหลังพิงยามวิกฤตให้กับลูกหลานที่เดินทางกลับมาบ้านเกิด แต่เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมา การพัฒนาเศรษฐกิจไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ภาคชนบทมากนัก
หลังพิงในยามวิกฤติครั้งนี้จึงอาจยังทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ เมื่อดูตัวอย่างจากที่จังหวัดสระแก้ว จึงจำเป็นต้องพัฒนาชนบทให้มีความเข้มแข็งมากพอ หลังจากนี้
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางวิกฤติหลายฝ่ายก็พยายามคิดที่จะหาทางออกและมีข้อเสนอ เพื่อการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน หนึ่งในนั้นก็คือ "ดร.สีลาภรณ์ บัวสาย" คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ได้นำงานวิจัยจาก 10 องค์กรระหว่างประเทศมาประมวลให้เห็นถึงเส้นทางผลกระทบ ของการเกิด covid-19 เพื่อวิเคราะห์ เพื่อมองไปถึงวิธีการฟื้นฟูที่ตรงจุด
โดยแบ่งเป็น 4 เสาหลัก เสาแรกคือการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย และกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐอย่างชาญฉลาด
เสาหลักที่ 2 คือ ช่วยพยุงธุรกิจเพื่อการจ้างงาน เสริมสภาพคล่อง
เสาหลักที่ 3 มาตรการคุ้มครองทางสังคม ของกลุ่มคนเปราะบาง คนตกงาน แรงงานนอกระบบ ต้องล็อคเป้าแล้วทำระบบข้อมูลให้ชัดเจน
และเสาหลักที่ 4 ทบทวนสมดุลระหว่างความเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างภูมิคุ้มกัน ที่จำเป็นต้องกระจายความเสี่ยงไม่พึ่งพาการส่งออกแต่เพียงอย่างเดียว มีรายได้จากหลายทาง มุ่งเน้นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้กู้เงินมาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ถึงร้อย 57 ซึ่งเกือบจะเต็มวงเงินกู้ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญคือร้อย 60 ขณะที่การคาดการณ์ของ GDP ปี 2563 ติดลบไปถึงร้อยละ 8
ดร.สีลาภรณ์ บอกว่า โควิด ให้บทเรียนว่า ไม่ควรมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจไปในแบบล้างผลาญทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะในที่สุดหลังพิงในช่วงเวลาวิกฤต คือภาคการเกษตร
นี่นับเป็นงานวิจัยที่ถอดรื้อ แนวคิด เกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาของประเทศ ไทย ไปอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ยังคงมีนักเศรษฐศาสตร์บางส่วนมีแนวคิดสวนทาง และมองว่าเมื่อมีวัคซีน เศรษฐกิจที่พึ่งพิงภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมเพื่อจะกลับมาคึกคักเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากงานวิจัยองค์กรระหว่างประเทศ ถึงทิศทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคม โดย ดร.สีลาภรณ์ จะถูกนำเสนอส่งต่อไปยัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
แต่ ท่าทีการฟื้นฟูของรัฐบาลภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ยังคงเน้น การลงทุนภาครัฐ ซึ่งตอนนี้ถือเป็นเครื่องจักรตัวเดียวที่ยังสามารช่วยขับเคลื่อน จีดีพี นั่นก็หมายความว่า การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และการเกิดขึ้นของนิคมอุตสาหกรรม จะตามมาอีกเป็นจำนวนมาก.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น