เก็บตกจากวชิรวิทย์ | พลิกปมข่าว ตอน "จับสัญญาณ มีงานแต่ไร้งาน"
ผลกระทบจากโควิด 19 ทำให้หลายกิจการปิดตัวลง และหลายคนกำลังเสี่ยงที่จะตกงาน สถานการณ์การว่างงานจะรุนแรงหรือไม่ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ก็คงขึ้นอยู่กับนโยบายความมั่นคงทางสุขภาพ หากยังให้น้ำหนักอย่างเข้มข้นต่อเนื่องก็อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวได้ช้าลง ขณะที่ทั่วโลกก็ยังมีผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง การช่วยเหลือที่ตรงจุดของรัฐบาลควรเป็นอย่างไร
เวลานี้ไปไหนมาไหนก็มักได้ยินว่า ใครมีงานประจำให้กอดงานเอาไว้แน่น นี่คงจะสะท้อนความกังวลของสังคมในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะงานทุกวันนี้หายากเหลือเกิน แต่ในทางกลับกันคนที่มีงานประจำอยู่แล้วก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงตกงาน เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ยังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากทั่วโลก ยังคงต้องระมัดระวังการเปิดน่านฟ้า ฉุดให้เศรษฐกิจซบเซา ไปแบบยาวๆ
ที่บอกว่าไม่ฟื้นตัว ก็เพราะว่าหากเราไปย้อนดูตัวเลข 6 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม - มิถุนายน หลังจากเริ่มมีการระบาดของโควิด 19 พบว่ามีผู้ว่างงาน เพิ่มขึ้น 7.4 แสนคน ประเด็นที่ทีดีอาร์ไอ เป็นห่วง ก็คือ ผู้ที่มีงานประจำแต่ไม่ได้ทำงาน ซึ่งถือว่ากลุ่มนี้เสี่ยงตกงานมากที่สุดมีจำนวนมากถึง 2.5 ล้านคนเมื่อรวมกับผู้ว่างงานจริง 7.4 แสนคน จะรวมเป็น 3.26 ล้านคนที่อยู่ในข่ายว่างงานที่สุดในไตรมาสสุดท้ายของปี คิดเป็นร้อยละ 8.5% ของแรงของกำลังแรงงานทั้งหมด 37 ล้านคน ซึ่งตัวเลขวิกฤตนี้สูงกว่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยํากุ้งปี 2540 ด้วยซ้ำไป
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า ผู้ที่มีงานประจำแล้วไม่ได้ทำงานคือใคร ไปติดตามจากรายงาน
📌 พนักงานบริการเสี่ยงตกงานมากสุด
เมืองพัทยาวันนี้ ไม่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติเหมือนเคย ร้านค้าริมถนนหน้าชายหาด ทยอยปิดตัวลง แม้รัฐบาลประกาศผ่อนปรนการดำเนินธุรกิจ แต่สัญญาณของการฟื้นตัวก็ยังไม่กลับคืนมา
เหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพนักงานภาคบริการจำนวนมาก ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจการท่องเที่ยว
ธนายุทธ บัวลอย เป็นพนักงานเสริฟโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา เป็นเวลา 6 เดือนแล้วที่เขารับเงินเดือนเพียงครึ่งเดียวซึ่งยอมรับว่าไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับทั้งค่างวดผ่อนรถ และค่าเช่าบ้าน
สิ่งที่เขาต้องการ คือยอมให้นายจ้าง จ้างออกโดยจ่ายชดเชยตามกฎหมาย เพื่อขอรับเงินก้อนไปเริ่มต้นชีวิตใหม่
แต่นายจ้างไม่ยอมจ้างออก ยังคงจ่ายเงินเดือนเพียงเดียวบีบให้พนักงานลาออกโดยสมัครใจเพราะไม่ต้องการจ่ายชดเชย
ทุกวันนี้ ธนายุทธ หารายได้เสริมโดยการขับ Grab Bike พร้อมทนอยู่ไปด้วยความหวังว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น และยังอยากอยู่ในเมืองพัทยาต่อไป หากต้องออกจากงานเขาพร้อมที่จะเป็นฟรีแลนซ์รับจ้างเป็นครั้งๆ เพราะยังเห็นโอกาสมากกว่าการกลับบ้าน ซึ่งไม่มีทักษะของการเป็นเกษตรกร
นอกจาก ธนายุทธ ยังมีพนักงานคนอื่นๆที่อยู่ในโรงแรมเดียวกัน ที่เผชิญปัญหาเหมือนกัน ยื่นเรื่องฟ้องร้อง ต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ซึ่งจนถึงวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้า
พนักงานโรงแรมทั้งสองคน บอกว่า พร้อมรับความเสี่ยงที่จะตกงาน ขอเพียงแต่ได้เงินชดเชยตามกฎหมาย เพื่อนำไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอาชีพใหม่ และขอความเป็นธรรมจากนายจ้าง ไม่เอาเปรียบพนักงานด้วยการบีบให้ลาออกเอง ซึ่งจะทำให้เสียผลประโยชน์หลายอย่างจากรัฐ ในโครงการช่วยเหลือเยียวยาต่างๆด้วย
📌 การจัดงาน Job Expo ช่วยได้แค่ไหน?
การจัดงาน Job Expo Thailand 2020 ซึ่งมีตำแหน่งงานรองรับมากมากถึง 1 ล้านอัตรา กระทรวงแรงงานหวังว่าจะช่วยดูดซับคนตกงาน โดยเฉพาะบัณฑิตจบใหม่ มาดูกันว่า 1 อัตรามีอะไรบ้าง
- ตำแหน่งว่างงานของกรมจัดหางาน 106,312 อัตรา
- ตำแหน่งงานต่างประเทศ 112,242 อัตรา
- ตำแหน่งงานพาร์ตไทม์ 66,881 อัตรา
- การจ้างงานโดยภาครัฐ 410,415 อัตรา
- การจ้างงานตามมาตรการส่งเสริมการมีงานทำให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ 260,000 อัตรา
- ตำแหน่งงานที่คาดว่าจะจ้างแรงงานไทยแทนแรงงานต่างด้าว 44,150 อัตรา
ถ้าดูจากตำแหน่งงานของ Job Expo ก็น่าเป็นห่วงว่าจะไม่ตรงกับทักษะ ของพนักงานในภาคบริการ 19 ล้านคน ที่มีจำนวนตำแหน่งงานลดลงในช่วง 2 ไตรมาสแรกถึง 3 แสน 4 หมื่น และเข้าข่ายเสี่ยงตกมากที่สุด
ดร. ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาแรงงานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ บอกว่า เมื่อประเมินความเป็นไปได้หากมีแรงงานหลุดออกมานอกระบบในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจจาก covid-19 จะมีทางเลือก 2 ทางคือ 1 กลับไปสู่ภาคการเกษตรและการแปรรูปอาหารและ 2 เป็น Freelance รับจ้างพาร์ทไทม์
ดังนั้นในส่วนของภาคการเกษตรที่จะมีคนว่างงานเปลี่ยนไปทำอาชีพนี้มากขึ้น รัฐบาลจะต้องให้ความรู้ และส่งเสริมด้านการตลาด การแปรรูปอาหาร หาตลาดส่งออก และผลักดันราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น
ขณะเดียวกันแนวโน้มการจ้างงานในอนาคต จะไม่มีพนักงานประจำ แต่จะเป็นลักษณะการจ้างงานเป็นครั้ง เช่นฟรีแลนซ์ หรือ พาร์ทไทม์ ซึ่งนับเป็นแรงงานนอกระบบ ที่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างจริงจัง จึงมีข้อเสนอให้กระทรวงแรงงานเร่งผลักดันกฎหมายคุ้มครองแรงงานนอกระบบเพื่อรองรับแรงงานคนตกงานจากงานประจำด้วย
ดร.ยงยุทธ บอกด้วยว่า จริงๆแล้ววิกฤตว่างงานจะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว จากสถานการณ์เทคโนโลยีปั่นป่วน หรือดิสรับชั่น แต่ที่รุนแรงและหนักหน่วงเช่นทุกวันนี้ก็เพราะว่าซ้ำเติมจากการระบาดของ covid 19
ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ถ้ารัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาการจ้างงานได้ ก็จะส่งผลกระทบไปถึงภาวะหนี้ครัวเรือน และกำลังซื้อของประชาชนผูกพันไปถึงระบบเศรษฐกิจทั้งระบบ
รัฐบาลอาจต้องเริ่มทบทวนว่า หากแนวโน้มในอนาคตที่จะมาแรงงานกลับไปสู่ภาคการเกษตร และแปรรูปอาหารมากขึ้น และมีแรงงานบางส่วนไปเป็น Freelance รับจ้างพาร์ทไทม์มากขึ้น จะมีมาตรการรองรับและส่งเสริมกลุ่มคนเหล่านี้อย่างไร.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น