เก็บตกจากวชิรวิทย์ | พลิกปม​ข่าว​ ตอน​ "คนจน​ 2020" ​

การพัฒนาเมืองตลอด 20 ปีที่ผ่านมา​ มีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ด้านการคมนาคม​ ในแง่หนึ่ง​เป็นการพัฒนาที่ดี​ แต่ผลกระทบจากการพัฒนาก็หนีไม่พ้นคนจนเมือง ที่ถูกเบียดขับให้ไปอยู่พื้นที่อื่น

แม้จะถูกกีดกันโดยนโยบายรัฐ​ แต่คนจนก็ถีบตัวเองขึ้นมา​ เป็นผู้ประกอบการรายย่อยภาคการผลิตแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของคนจนเมือง​ ที่รัฐต้องทบทวน​ทิศทางการพัฒนาอย่างจริงจัง


ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างในช่วง 20​ ปีที่ผ่านมา​ กว่าจะพัฒนาจากคนจนเมืองขึ้น​ มาเป็นผู้ประกอบการรายย่อยภาคการผลิตแบบไม่เป็นทางการได้​

 ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงการศึกษาหรือว่าการเข้าถึงแหล่งเงินทุน แต่ที่พวกเขาเข้าไม่ถึงเลยนั่นก็คือ​ นโยบายการพัฒนาเมืองของรัฐที่ไม่รองรับคนจนเมือง​ ทั้งยังซ้ำเติมให้ได้รับผลกระทบหนักไปอีก

ตัวอย่างของคนจนเมือง​ ที่พยายามยกระดับตัวเอง​ ไม่ว่าจะเป็นคนเก็บของเก่าขาย​ หรือว่าคนร้อยพวงมาลัย​ น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีถึงความพยายามของพวกเขา​ แต่แม้พยายามมากขึ้นเท่าไหร่ ชีวิตก็ไม่สามารถไปได้ดีกว่านี้​ เพราะการพัฒนาเมืองไม่เปิดทาง​ และไม่เอื้อให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น​ 

เปิดงานวิจัย​คนจน

ที่ประชุมรายงานความก้าวหน้า โครงการวิจัยคนจนเมืองที่เปลี่ยนไปในสังคมที่เปลี่ยนแปลง​ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก​ สกสว​ มีการนำเสนอถึงข้อค้นพบสำคัญของการยกระดับของคนจนเมือง​ และความพยายามในการเปลี่ยนความหมาย​ คนจนเมือง​ เป็นผู้ประกอบการรายย่อยภาคการผลิต​ เพื่อมุ่งหวังให้รัฐและชนชั้นกลาง​ในเมือง ได้ตระหนักถึงความสำคัญของกลุ่มคนเหล่านี้​ ที่มีส่วนในการขับเคลื่อนเมือง​ และควรมีสิทธิ์ที่จะอยู่ในเมือง​ รวมทั้งกำหนดความเป็นไปของเมืองอย่างเสมอหน้า

ศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์​ ในฐานะประธานโครงการวิจัยฯ​ บอกว่า​ 50% ของสัดส่วน GDP มาจากการบริโภคของรากหญ้า​ นอกจากนี้แรงงานภาคการผลิตมากกว่า 60% ก็ยังมีฐานมาจากคนจนเมืองด้วย​ 

การพัฒนาเศรษฐกิจรวมถึงการพัฒนาเมืองนั้น​ รัฐจึงจำเป็นจะต้องคำนึงถึงกลุ่มคนเหล่านี้มากกว่าการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่เอื้อกลุ่มทุน

ใครคือคนจน

แต่เมื่อพูดถึงคนจน​ ในเวทีสาธารณะเมืองกับคนจนเมือง​ การต่อสู้​ ต่อรองไปสู่อนาคต​ ที่มีตัวแทนเครือข่ายของสลัม 4 ภาค นักวิชาการ​ แล้วก็​มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย​ ยังคงถกเถียงกันถึงนิยามของคนจน​ แบบไหนถึงเรียกว่าคนจน​ ใครคือคนจน

ผศ.ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในผู้ทรงคุณวุฒิให้ความเห็นในงานวิจัย กล่าวว่า 

ทุกคนมีมิติของความเปราะบาง โครงการบางโครงการก็ทำให้คนจนไปได้เลย หรือวิกฤตโควิดเข้ามา ก็ทำให้หลายคนจนลงไป ความยากจนไม่จำเป็นต้องอยู่ในสลัม แต่คือความเปราะบางที่เข้าไม่ถึงทรัพยากร

เราอาจจะไม่สามารถมองคนจนในมิติเดียวว่า ได้รับผลกระทบจากการพัฒนา เพราะการพัฒนาเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น จริง ๆแล้ว คนจนเป็นเหตุของการพัฒนา ไม่ใช่เพียงแค่ผลกระทบ​ แต่คนจนเป็นเงื่อนไขของการพัฒนาด้วย

ขณะที่ ผศ.ดร.นลินี ตันธุวนิตย์​ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในผู้ทรงคุณวุฒิให้ความเห็นโครงการวิจัยกล่าวว่า คนจนมีหลายระดับและมีความหลากหลาย คนจนบางคนก็ไม่สามารถขยับขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการได้ แต่เห็นด้วยที่ต้องมีความเคลื่อนไหวทางสังคม ให้สาธารณะได้ตระหนักถึงความสำคัญของคนจนเมือง  งานวิจัยนี้จึงควรแสดงให้เห็น​ ความหลากหลายของคนจนมากกว่านี้

มากกว่าการหานิยามของคนจน​ ซึ่งคงจะต้องถกเถียงกันอีกยาว​และคงมีหลายมิติ​ คือนโยบายการพัฒนาเมืองว่า การให้ความสำคัญกับสิทธิ์ที่จะอยู่ในเมือง​ หรือการกำหนดทิศทางของเมืองควรเป็นของใคร 

ที่ผ่านมาดูเหมือนว่า​ รัฐและทุน​ จะผูกขาดสิทธิ์ส่วนนี้​ จึงได้เกิดปัญหาต่างๆตามมา​ และการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตของคนตัวเล็กตัวน้อย​ ไม่ควรที่จะมีใครกีดขวางเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ รัฐควรจะเป็นผู้ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนกลุ่มนี้​ มากกว่าทำลาย​

ความคิดเห็น