เก็บตกจากวชิรวิทย์ | ผู้ค้ายังลักลอบขาย 2 สารเคมีเกษตรที่ถูกแบนอยู่หลังร้าน
"แม้กระทรวงอุตสาหกรรม จะประกาศให้พาราควอต และคลอร์ไพลิฟอส เป็นวัตถุอันตรายห้ามจำหน่าย ขณะที่ไกลโฟเสทจำกัดการใช้ ให้จำหน่ายได้เพียงเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและผ่านการอบรมแล้วเท่านั้น แต่ยังพบจำหน่ายอยู่หลังร้าน ท้าทายกฎหมาย"
ทีมข่าวไทยพีบีเอสสำรวจร้านขายสารเคมีเกษตร ในเขตจังหวัดนครปฐมและจังหวัดราชบุรี พบว่าส่วนหนึ่งปฏิบัติตามคำสั่งแบน 2 สารเคมี คือพาราควอต และคลอร์ไพลิฟอสต์ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่บางร้าน ก็ยังลักลอบขายสารเคมีเหล่านี้
แม้จะไม่มีของวางขายหน้าร้าน แต่เกษตรกร รู้ดีว่าจะต้องหาซื้อจากที่ไหน เจ้าของร้านแสดงความไม่มั่นใจที่จะขายวัถตุอันตรายที่เพิ่งถูกแบนให้กับเรา เพราะเป็นเห็นเป็นคนแปลกหน้า แต่เมื่อถามหาสินค้าในปริมาณมากๆ ร้านก็ยังมีจำหน่ายให้ ในราคาที่สูงกว่า เท่าตัว
ผู้ชายคนนี้รู้ดีว่า ในฐานะผู้ค้าสามารถเก็บสารเคมีเกษตรที่ถูกแบนไว้ 120 และครบกำหนดวันที่ 28 กันยายนนี้ ที่จะต้องส่งคืนกรมวิชาการเกษตร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะสต๊อกสินค้าต้องห้ามเอาไว้จำนวนหนึ่ง
สำหรับร้านนี้ ทีมข่าว ซึ่งไม่ใช่เกษตรกรไม่มีใบรับรองการอบรม ยังสามารถซื้อได้ทั้งพาราควอต ที่ห้ามขาย และไกลโฟเสต ที่จำกัดการใช้ ที่ขายให้เฉพาะเกษตรกรที่ผ่านการอบรมแล้วเท่านั้น
เราเดินทางต่อไปที่ร้านขายสารเคมีเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในเขตอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เจ้าของร้านเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา ว่าไม่มีสต๊อกสารเคมีที่ถูกแบน ขณะเดียวกันตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่กรมวิชาการเกษตรเรียกคืนสารเคมีจากเกษตรกรภายใน 90 วัน ก็ไม่มีใคร นำสินค้ามาคืนที่ร้าน
หลังการแบนสารเคมีตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเกษตรกรจะสามารถครอบครอง วัตถุอันตรายเหล่านี้ได้เพียง 90 วัน ให้นำมาคืนที่ร้านขายสารเคมีเกษตร ซึ่งจะครอบครองได้ 120 วันก่อนที่กรมวิชาการเกษตร จะเก็บสารเคมีทั้งหมดไปทำลายทิ้ง แต่จนถึงวันนี้ จาการสำรวจของทีมข่าวไทยพีบีเอส ก็ยังมีการลักลอบใช้อยู่ ทั้งอย่างเปิดเผยและไม่เปิดเผย
'ราชบุรี' ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ 6 หมื่นไร่ในปี 67
ภายหลังการแบนสารเคมีเกษตร จังหวัดราชบุรี ตั้งเป้าที่จะเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ ให้ได้ 12,000 ไร่ต่อปี เพื่อรองรับการปรับตัวของเกษตรกรบางส่วนที่หันมาทำเกษตรอินทรีย์ แต่เกษตรจังหวัดก็ยอมรับว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ยังเคยชินกับการใช้สารเคมีซึ่งการปรับเปลี่ยนนั้นไม่ง่ายเลย
ตัวด้วงที่กัดกินยอดต้นอินทผาลัม จะให้ดีคงต้องใช้คลอร์ไพลิฟอส ยาฆ่าแมลงเข้มข้น ในการกำจัด แต่หลังถูกแบนเป็นวัตถุอันตรายห้าม เกษตรกรรายนี้ จึงต้อง จับด้วงออกมาจากยอดตัวเป็นๆเพื่อกำจัดทิ้ง นี่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีเกษตรอินทรีย์ ที่ต้องอาศัยใจรัก
บนพื้นที่ 6 ไร่ ในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เอกอรุณ อำนาจเจริญพรชัย สมาชิกกลุ่มเกษตรอินทรีย์ร่มเย็นราชบุรี ปลูกต้นอินทผาลัมไว้ทั้งหมด 152 ต้น และทุกๆเช้าเขาจะต้องเดินสำรวจศัตรูพืช
นอกจากแมลงแล้ว หญ้าที่ขึ้นร่องสวน ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องใช้สารเคมี แต่เมื่อพาราควอตถูกแบน การตัดหญ้าด้วยเครื่องตัดหญ้า ก็เป็นทางออก
เอกชัยบอกว่า เกษตรอินทรีย์ช่วยลดต้นทุนได้จริง แต่ต้องลงแรงและยอมเหนื่อย เมื่อต้องแลกกับสุขภาพที่ดีขึ้นก็ถือว่าคุ้มค่า
ทุกๆเดือน กลุ่มเกษตรกรที่รวมตัวกันในนามกลุ่มเกษตรอินทรีย์ร่มเย็นราชบุรี จะต้องมารวมตัวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนอุปสรรคที่พบเจอ
โชคดี ตั้งจิตร เป็น หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร สำนักงานเกษตร จ.ราชบุรี เปิดเผยว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด เซ็นตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ เพื่อรองรับการแบนสารเคมีการเกษตรโดยตั้งเป้าว่า ภายในปี 2567 หรืออีก 5 ปี จะต้องมีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ในจังหวัดราชบุรีไม่น้อยกว่า 6 หมื่นไร่หรือคิดเป็น 5% จาก 1 ล้าน 2 แสน ไร่ของพื้นที่เกษตรทั้งจังหวัด
แต่นายโชคดี ยอมรับว่า ไม่ง่ายเลยที่เกษตรกรจะเลิกใช้สารเคมี แม้สมัครสมาชิกหน้าใหม่ที่สมัครร่วมกลุ่มเกษตรอินทรีย์จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่มักมีคำถามและข้อกังวลเสมอว่า เกษตรอินทรีย์จะทำให้คุณภาพและปริมาณผลผลิตลดลงหรือไม่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น